บัลเลต์ (Ballet) เป็นการเต้นประเภทหนึ่งที่มีความอ่อนช้อย เดิมเป็นการแสดงในพระราชวังของฝรั่งเศส ภายหลังได้รับการพัฒนาให้เป็นการแสดงประกอบดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศสและรัสเซีย บัลเลต์ประกอบด้วยท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งใช้ความอ่อนตัวของผู้เต้นควบคู่กับดนตรีแนวคลาสสิก ต่อมาได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยแต่ละประเทศจะผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมประจำชาติเข้ากับการแสดงเพื่อความโดดเด่นของตัวเอง เมื่อบัลเลต์ได้รับความนิยมมากขึ้นจึงก่อให้เกิดโรงเรียนสอนเต้นบัลเลต์ตามมา แม้กระทั่งในประเทศไทยก็มีหลายสถาบันเปิดสอนการเต้นบัลเลต์ ปัจจุบันการเต้นบัลเลต์จัดเป็นกิจกรรมที่พ่อแม่นิยมให้ลูกเรียนเพราะสามารถพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กได้ ทั้งยังช่วยให้เด็กมีท่าเดินที่สง่างาม หากปฏิบัติเป็นประจำเด็กจะมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส และกล้าแสดงออก นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักเสียงเพลงตั้งแต่วัยเยาว์ และเป็นการปูพื้นฐานการเต้นให้พวกเขาก่อนจะเลือกเรียนเต้นประเภทอื่น
องค์ประกอบสำคัญของบัลเลต์มีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ การเต้น และดนตรี ซึ่งโดยปกติดนตรีมักจะเกิดขึ้นก่อน แล้วผู้คิดท่าทางเต้นจึงคิดท่าทางต่างๆให้เข้ากับดนตรี ซึ่งผู้ประพันธ์เพลงจะประพันธ์เพลงเป็นเนื้อเรื่องในลักษณะของดนตรีที่บรรยายเรื่องราวไว้ ดนตรีบัลเล่ต์จึงจัดเป็นดนตรีอีกประเภทหนึ่งที่น่าศึกษา มีลักษณะคล้ายๆกับโอเปรา คือการนำดนตรีไปรวมกับศิลปะแขนงอื่นๆ ในบางครั้งบทเพลงประเภทนี้นำไปบรรเลงโดยไม่ใช่การเต้นบัลเล่ต์ประกอบ ดังนั้นจึงมีลักษณะเป็นเครื่องดนตรีบรรยายเรื่องราว เช่น ดนตรีประกอบการแสดงบัลเล่ต์ แบบโมเดิร์นดานซ์ เรื่อง Appalachian Spring ของคอปแลนด์ ซึ่งต่อมามีผู้นิยมนำมาบรรเลงโดยไม่มีการแสดงประกอบแต่ประการใด ดนตรีบัลเล่ต์ จะมีลักษณะคล้ายซิโฟนิคโพเอม คือ ใช้วงออร์เคสตร้าบรรเลง โดยมีหลายตอนตามเรื่องที่ใช้ในการเต้นเป็นสื่อในการเสนอเรื่องราว
ในการเต้นบัลเลต์ รองเท้านับเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญ ดังนั้นการเต้นแต่ละครั้งควรใส่รองเท้าบัลเลต์เพื่อความปลอดภัยขณะเต้นเพื่อสร้างความเพลิดเพลินระหว่างเต้นบัลเลต์ เราควรเปิดเพลงประกอบ ขณะเดียวกันควรกำหนดระยะเวลาในการเต้น และควรเพิ่มระยะเวลาขึ้นตามลำดับ เพราะการฝึกบ่อยๆจะช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บจากความผิดพลาด ทำให้เราเต้นได้เก่ง และยังมีสุขภาพแข็งแรง