การนับก้าว และ วัดการนอนหลับ คือความสามารถหลักๆที่ทุกตัวล้วนมีติดตัว แต่อย่าได้คาดหวังหรือคิดว่ามันจะแม่นยำ 100% เพราะความสามารถนี้เป็นการวัดการเคลื่อนไหวจากข้อมือคุณอย่างเดียว หากต้องการความแม่นยำคุณอาจต้องใช้ GPS เพื่อวัดความเร็วในการวิ่ง , ใช้ Footpod เพื่อนับก้าวจากการเคลื่อนไหวที่เท้า, ใช้สายคาดวัดชีพจร เพื่อติดตามระดับชีพจรในแบบ Real time
พิจารณาถึงข้อมูลสถิติที่คุณต้องการจะติดตาม ทำให้การเลือกนาฬิกาออกกำลังกาย หรือ สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ ง่ายขึ้น
เลือก App ที่ใช่
อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนมาพร้อมกับ Application บนสมาร์ทโฟนเฉพาะแบรนด์ ซึ่งในส่วนของ App ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวอุปกรณ์เลย โดย App นั้นมีให้ดาวน์โหลดแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ การที่ได้ลองเล่นและได้เห็นหน้าตา App จะช่วยให้เราได้เห็นภาพและวิธีการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
แบตเตอรี่และการชาร์จ
การอยู่ได้นานของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เรียกว่ามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัยอื่นๆเลย ลองคิดดูว่าถ้าคุณต้องถอดออกมาชาร์จทุกๆวัน จะมีบางวันที่ลืมชาร์จทิ้งไว้ไหม? ถ้าลืมทิ้งไว้นานๆ ข้อมูลที่ติดตามก็จะไม่ต่อเนื่อง ทำให้เราเบื่อที่จะหยิบขึ้นมาใส่ไปซะดื้อๆ
เลือก นาฬิกาออกกำลังกาย หรือ Fitness Tracker ที่ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้ได้ 3-4 วันขึ้นไป อย่างเช่น Jawbone UP24 หรือ Fitbit Alta
การรับประกัน ความแม่นยำ และความน่าเชื่อถือ
ราคาของนาฬิกาออกกำลังกายและสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพในทุกวันนี้มีความแตกต่างกันมาก เริ่มต้นตั้งแต่ 300 บาท (ของจีน) ไปจนถึง หลัก 2-3 หมื่นบาท แน่นอนว่าความแตกต่างนั้นมีหลายด้านเช่นกัน อาทิ ความแม่นยำของข้อมูลที่ติดตาม, วัสดุภายในและภายนอก, ความคงทน, ความสามารถของตัว Tracker, Application, การรับประกัน และอีกมากมาย
การเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ควรคำนึงถึงราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพของเราโดยตรง ข้อมูลที่ได้รับมาควรใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด หากคุณพึ่งพาข้อมูลที่ห่างไกลจากความเป็นจริง อาจจะส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงตามมา